วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

10 สุดยอดสปาในโลก

10 สุดยอดสปาในโลก 



10. Six Senses Destination สปา, ประเทศไทย 




เสนอการรักษาสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมก็เป็นหนึ่งในสปาขอมากที่สุดหลังจากปลายทาง ให้บริการการรักษาจีน, อินเดีย, อินโดนีเซียและไทย วิลล่า 


9 .Como Shambhala, บาหลี 


มันเป็นสปาตั้งอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่สวยงามอุดม -- ภูเขาแม่น้ำ สปานี้มีการรักษาแบบดั้งเดิมเช่น Naturopathy และ Ayurveda กับการพัฒนาที่ทันสมัย 


8 ฟอร์เต้รีสอร์ทแอนด์สปาวิลเลจ, เกาะซาร์ดิเนีย 



7. Marc Massage Centre อิตาลี 


ศูนย์แห่งนี้มีการรวมกันของ phytotherapy การแพทย์และความงามโดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะ อาหารที่กำหนดเองและการนวดต่างๆสำหรับคุณ 


6. SHA Wellness Clinic, สเปน 


คลินิคมีความแตกต่างผู้เชี่ยวชาญจะนำเสนอการรวมกันของการแพทย์ตะวันออกและตะวันตก ใช้เทคนิคการฝังเข็มของญี่ปุ่นยกเว้นนิ้วความดันที่ใช้ 


5. Kovilakom Kalari อินเดีย 


ได้รับการบูรณะและสร้างขึ้นใหม่เข้าไปในสปาจะได้อารมณ์ของอาศรม มีแพคเกจให้เข้าพักอย่างน้อย 14 วันในสปารีสอร์ทหรู 


4. Ananda Spa อินเดีย

ตั้งอยู่บนเนินเขาของเทือกเขาหิมาลัย 


3. Chiva-Som, ไทย 


สปารีสอร์ทตั้งอยู่ท่ามกลางหัวหิน มี 70 ห้องให้เข้าพักและการรักษาความสะอาดที่ดีที่สุด 


2.Fortina Spa Resort มอลตา 


ให้บริการนวดบำบัดจีน, ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ มีสปาแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่เข้มข้นด้วยน้ำทะเลและการรักษาจากสาหร่าย 


1.Cinq Mondes Spa – Beau Rivage Palace สวิตเซอร์แลนด์ 


มีห้องสวีทพร้อมห้องอาบน้ำญี่ปุ่น สระว่ายน้ำของตัวเองในร่มและกลางแจ้ง ให้บริการนวดน้ำมันอินเดียอบอุ่นบาหลีบาล์มน้ำมันถั่ว บริการนวดแบบญี่ปุ่น, นวดน้ำอียิปต์

10 อันดับ FWD เมลล์ที่น่ารำคาญที่สุด

10 อันดับ FWD เมลล์ที่น่ารำคาญที่สุด


อันดับ10 - อีเมลล์ลูกโซ่ 

ใช่แล้วครับทุกท่าน มันก็คือจดหมายลูกโซ่ธรรมดานี่แหละ ที่ส่งกันมาส่งแล้วส่งเล่าตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ยังจีบกันด้วยจดหมายรัก จนถึงยุคที่ อินเตอร์เน็ตส่งข้อมูล 10MB ต่อวินาทีได้แล้ว ก็ยังมีจดหมายแบบนี้อยู่บนโลกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แถมเนื้อหาก็ยังลอกมาจากต้น ฉบับอาจารย์วิจิตรธรรมโชติเมื่อ 30 ปีก่อนยังไงอย่างนั้น ช่างน่าภุมิใจจังที่เราสามารถอนุรักษ์มรดกของชาติได้เยี่ยมขนาดนี้ เนื้อหาก็จะ ประมาณว่าจดหมายฉบับนี้มีมนต์วิเศษ ส่งต่อ 20 คนจะโชคดี ถ้าไม่ส่งตายแน่เหมือนอย่างนายสมชายสมหมายทหารอากาศอะไรทั้ง หลายแหล่ที่ตายแล้วตายอีกในหลักฐานอ้างอิงเพื่อเพิ่มความน่าชื่อถือ ถ้าท่านอยากเป็นคนงมงายในยุคอินเตอร์เน็ตก็เชิญส่งต่อนะครับ แต่ถ้าอยากฉลาดขึ้นบ้างก็...ลบทิ้งเสียเถอะ


อันดับ9 - เจ้าแม่กวนอิมโชคดี+พระพิฆเนศโชคดี

สมัยนี้เค้าเผยแพร่ความโชคดีบนอินเตอร์เน็ตแล้วครับท่านผู้อ่าน เมลล์ประเภทนี้จะมีรูปเจ้าแม่กวนอิมหรือไม่ก็พระพิฆเนศที่ถ่ายมาจาก ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่มันเหมือนกันทุกฉบับเลย ดูเผินๆบางคนอาจจะแย้งว่า คนส่งเค้าอยากให้คนได้รับโชคดีไง จะบอกว่าเนื้อหาหลักๆเหมือนกับ อันดับ 10 ไม่มีผิดเพี้ยนครับ แค่เปลี่ยนคำว่าโชคร้ายเป็นโชคดีเท่านั้น แถมยังขู่เหมือนเดิมว่าถ้าไม่ส่ง ซวยแน่ กร๊ากๆๆๆ บางเวอร์ชั่นดีหน่อยครับที่ไม่ได้ขู่มาด้วย แต่อยากจะบอกว่าการที่เราเช็คเมลล์แล้วพบเมลล์จากเพื่อนๆ 10คน ต่างคนต่างส่งเมลล์หัวข้อนี้มา เหมือนกันทุกคนเรียงเป็นตับในเมลล์บ็อกซ์ของเรามันน่ารำคาญโว้ยยยยย


อันดับ8 - ลูกผมป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว 

อันดับนี้จะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้าย คือดูเผินๆแล้วผู้ส่งต้องการความช่วยเหลือแน่ๆ จึงมาโพสท์แบบนี้ บวกหน้าตาที่อยู่พร้อม แต่จะบอกว่า เมลล์แบบนี้ ห้าปีผ่านไปก็ยังฟอร์เวิร์ดกันให้เกลื่อน คือถ้าลูกคุณป่วยเป็นมะเร็งและต้องการความช่วยเหลือด่วน แต่ยังรอคนใจดีอยู่ได้ตั้ง 5 ปีแบบนี้ ขอคาดการณ์ว่าร่างกายคงมีภูมิต้านทานดีขนาดหนักแล้วครับ ไม่ก็ตายไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องฟอร์เวิร์ดต่อหรอก เพราะมีกรณี นึงที่มีคนลองติดต่อไปแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง แต่ทางต้นสายบอกว่าเป็นเรื่องเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผลร้ายจากความใจดีของพวกเรานั่นเองที่เห็น แล้วสงสาร ฟอร์เวิร์ดไปเรื่อยๆเผื่อจะเจอใครที่ใจบุญกว่า แต่บอกตามตรง เท่าที่เคยประสบมา คนฟอร์เวิร์ดจะไม่ให้ความช่วยเหลือ ส่วน คนช่วยเหลือจะไม่ฟอร์เวิร์ด ฮ่วย!
ถึงผู้ใดก็ตามที่ประสบปัญหาแนวๆนี้ ขอแนะนำว่าอย่าส่งทางเมลล์เลยครับ เพราะเมื่อมันเผยแพร่ในโลกไซฌบอร์แล้ว มันค้างนาน และมัน จะกระจายเป็นวงกว้างซึ่งไม่มีทางยับยั้งได้ แม้คุณจะได้รับการช่วยเหลือแล้วคุณก็ยังอาจจะได้รับการติดต่อมาอีกต่อไปเป็นปีๆ ทางที่ดีไป ลงประกาศในหนังสือพิมพ์หรืออะไรทำนองนั้นดีกว่านะ


อันดับ7 - ไม่ส่งต่อ ไม่มีแฟน 

ไม่รู้ว่าคนเราสมัยนี้กลัวการไม่มีแฟนมาก หรือไม่ก็ไม่มั่นใจในฝีมือการจีบของตัวเอง จึงส่งกันเป็นว่าเล่น เมลล์ประเภทนี้จะขึ้นต้นด้วยข้อ ความดีๆ ภาพน่ารักๆ แต่เสือกลงท้ายด้วยข้อความประมาณว่า
ส่ง 1-5 คน จะโชคดีเล็กๆน้อย
ส่ง 6-15 คน จะเจอเนื้อคู่
ส่ง 16-30 คน เนื้อคู่จะโทรมาหาใน 10 นาที (ดูมัน ยังกะโฆษณาทีวีไดเรคต์)
และถ้าไม่ส่ง โสดตลอดชาติ ประมาณนี้เป็นต้น สังเกตว่ามีระดับความโชคดีให้เลือกด้วย ใครคิดว่าตัวเองโชคดีอยู่แล้วก็ส่งน้อยๆ ใครคิด ว่าดวงซวยก็ส่งเยอะๆ อืม...เหมือนชิงโชคเลยเนอะ แต่รู้สึกส่งชิงโชครายการคุณปัญญาจะมีโอกาสมากกว่าซะอีกนะ


อันดับ6 - กินชาเขียวเย็นเป็นอันตราย 

เมลล์ประเภทนี้มีมาเป็นระยะๆ ตามแต่ว่าอะไรที่ฮิตในช่วงนั้น ช่วงแรกมันเป็นโค้ก กินโค้กแล้วอันตราย เอาตะปูแช่โค้ก 1 วัน ตะปูละลาย ต่อมาก็เป็นชาเขียวเย็น กินแล้วไขมันจับ เพราะมันเย็น พิสูจน์ได้ด้วยการเทชาเขียวเย็นลงในชามก๋วยเตี๋ยว แล้วจะเห็นไขมันจับเป็นก้อน ปัด โธ่ เทอะไรเย็นๆลงน้ำซุป มันก็จับหมดแหละคุณ (ไม่เชื่อไปลองดูได้) หรือไม่ต้องเทน้ำอะไรหรอก เอาก๋วยเตี๋ยวไปแช่เย็น สักพักมันก็จับไข แล้ว เมลล์แบบนี้จะใช้ข้อความเมหือนยกข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาอ้าง ซึ่งถ้าใครฉลาดๆหน่อยก็จะจับผิดได้ว่ามันไม่เป็นจริง ส่วนใคร โง่ๆก็...ฟอร์เวิร์ดต่อปายยย (ล่าสุดนี่รู้สึกจะเป็นโรตีบอยแล้วนะ มันอินเทรนด์ดีโว้ยคนเขียนเมลล์แบบนี้)


อันดับ5 - จุดจบประเทศไทย

เขียนโดย นิติภูมิ เนาวรัตน์ ชายหนุ่มผู้มองเห็นประเทศอื่นดีกว่าเราในทุกด้าน ส่วนเมืองไทยนั้นกระจอก คอรัปชั่น เฮงซวย ล่มสลายแน่ๆถ้า ไม่เชื่อกรู ไม่รู้มันเกิดมาเป็นคนไทยทำไมเหมือนกัน เมลล์ชนิดนี้เนื้อหาเหมือนต้นฉบับเพราะลอกมา เนื้อหาจะเกี่ยวกับประเทศไทยในปี 2550 ที่จะถูกน้ำท่วม ภัยพิบัติ ฯลฯ สุดท้ายก็จะกลายเป็นเหมือนอาร์เจนติน่า ฯลฯ ดีเหมือนกันวงการฟุตบอลบ้านเราจะได้ไปบอลโลกซะที เมลล์แบบนี้จริงๆก็จัดว่ามีประโยชน์ เสียแต่ว่ามันทำให้เกิดความแตกแยกได้ง่าย หากผู้อ่านไม่มีวิจารณญาณ จริงๆคือพวกเราได้แต่อ่าน แล้วก็ส่ง ทำอะไรไม่ได้นอกจากเกลียดคนที่ถูกอ้างถึงในเมลล์โดยไม่มีหลักฐานอย่างอื่นประกอบการตัดสินใจเลย อีกอย่างคือ เมลล์แบบเนี้ย ไม่ต้องส่งหรอก ถ้าในปี 2550 มันจะเป็นอย่างที่อ้างจริงๆ ผู้เขียนเค้าก็มีหลักฐานการเขียนของเค้าอยู่แล้วแหละ ไม่ต้องส่งต่อเพียงเพื่อ ประกาศให้รู้ว่ากรูเก่งหรอก มันน่ารำคาญรู้มั้ยเพราะว่ามีเมลล์เนื้อหานี้ในเมลล์บ็อกซ์เกือบร้อยฉบับแล้ว


อันดับ4 - ฟอร์เวิร์ดไป 18 คนแล้วกด Atl+F8 

ไม่รู้ว่ามีที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจเป็นเพราะโปรแกรมอีเมลล์เมื่อสมัยสิบปีก่อนมีฟังก์ชั่น Atl+F8 ก็ได้ ปัจจุบันมันไม่มีใช้แล้ว แต่เมลล์แบบนี้ก็ อาศัยความอยากรู้ของผู้ส่งมาทำให้มันถูกฟอร์เวิร์ดมาเรื่อยๆนับสิบปีแล้ว (พูดตรงๆก็คือผมได้เมลล์แบบนี้มาตั้งแต่เริ่มเล่นเน็ตเมื่อปี 2543 จนบัดนี้ก็ยังได้รับอยู่) เนื้อหาก็จะเป็นว่า มียายแกไปซื้ออาหารหมา อาหารแมว สุดท้ายก็ให้คนขายล้วงไปในกล่อง ถ้าอยากรู้ว่าในกล่องมี อะไร ให้ฟอร์เวิร์ดไป 18 คน แล้วกด Atl+F8 หรืออะไรทำนองนี้ ก็จะพบคำตอบ บางเมลล์เล่นง่ายกว่านั้น ไม่ต้องอารัมภบทมาก มาถึงก็ บอกให้ส่งเลย แล้วกดดูจะพบว่ามีอะไรเปลี่ยนไป
ไม่ต้องส่งต่อนะครับ ขอร้อง เพราะตั้งแต่มันถูกส่งมาในโลกนี้ ยังไม่เคยมีใครสักคนรู้เลยว่ากด Atl+F8 แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ...จริงๆอาจ จะพบก็ได้ ...พบว่าตัวเองโง่นั่นเอง


อันดับ3 - รูปถ่ายวิญญาณ ชายผู้ล่วงลับ 

เมลล์แบบนี้เอาความน่ากลัวเข้าว่า เริ่มจากบอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มที่ไปเที่ยวป่า แล้วถ่ายรูปติดวิญญาณมา สองสามวันถัดมาเขาก็ตาย หากใครไม่อยากตาย ให้ส่งต่อ 10 คน มิฉะนั้นวิญญาณในรูปจะตามไปที่บ้าน ตบท้ายด้วยรูปถ่ายวิญญาณที่น่ากลัวก็จริง แต่รู้ว่าตัดต่อ เพราะไอ้ผีในรูปนั้น ไปเสิร์ชเวบผีเวบไหนมันก็มี (ใครไม่มี เชยมาก) เป็นรูปต้นแบบที่ถูกนำมาใช้ตัดต่อบ่อยที่สุด


อันดับ2 - ยายมาหา 

อันนี้ยังเล่นกับความน่ากลัวไม่เลิก ด้วยการให้เด็กชายคนหนึ่งเล่าเรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับยายตัวเองจะมาเอาชีวิต แกเลยหาทางรอดด้วยการ บอกว่าให้ไปเอาชีวิตคนอ่านเมลล์นี้แทน -_-" ฉลาดมากหนุ่มน้อย ไม่ยักรู้ว่ายายเอ็งเล่นเน็ตเป็นด้วย เมลล์นี้ยอมรับว่าน่ากลัวจริง แต่ก็ได้มา จนหายกลัวไปแล้ว ถ้ายายอยากได้วิญญาณจริง ไปหาวิญญาณเป็ดไก่ตามตลาดสดจะเจอเยอะกว่านะยายจ๋า วันนึงเป็นร้อยตัวเลย


อันดับ1 - ฮ็อตเมลล์เก็บตัง 

มาแล้วครับ กับอันดับยอดฮิตที่สุดบนโลกมนุษย์ เมลล์นี้มีเนื้อหาบอกว่า ทางฮ็อตเมลล์จะทำการเก็บเงินผู้ใช้เมลล์ @hotmail โดยผู้ส่ง เมลล์จะให้พวกเราช่วยกันฟอร์เวิร์ดไปเยอะๆ เค้าจะได้สงสาร และยกเลิกการเก็บตัง -_-" เมลล์แบบนี้ก็ได้มาตั้งแต่เล่นเน็ตสมัยแรกๆแล้ว ถ้ามันเป็นจริง ก็นับว่าฮ็อตเมลล์ใจดีมาก จะเก็บตังมาตั้งหลายปีแล้วก็ไม่เก็บสักทีเพราะมีคนฟอร์เวิร์ดเยอะ ว่าแต่มันจะรู้ได้ไงวะว่ามีคน ฟอร์เวิร์ดน่ะหืม? แรกๆมันเป็นแค่ข้อความ ต่อมานี้ลงทุนทำแบนเนอร์ปลอมที่มีสัญลักษณ์ฮ็อตเมลล์ให้ดูน่าเชื่อถือขึ้น ล่าสุดนี่สงสัยรู้ตัวว่า ไม่ได้ผล เลยใส่เพิ่มลงไปในหัวข้อด้วยว่า "คราวนี้เอาจริงแล้ว ฮ็อตเมลล์จะเก็บตังเราแล้วล่ะ!" (มีการขู่ 555)
เคยลองทำเมลล์ปลอมแบบนี้เหมือนกันเพื่อให้เลิกส่งเมลล์สไตล์นี้ โดยการใช้เนื้อหาว่าฮ็อตเมลล์ต้องเสียเงินนับร้อยล้านดอลล่าร์เพิ่อแก้คดีคน เข้าใจผิดว่าเขาจะเก็บตัง และประากศจะจับตัวผู้ที่ส่งเมลล์ที่ทำให้ทางเขาเสียหาย นั่นคือใครฟอร์เวิร์ดเมลล์แบบนั้นอีก จะถูกตามรอยมา ถึงบ้านและถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกันทุกคน ผลก็คือ FWD mail หัวข้อ "ฮ็อตเมลล์เก็บตัง" ก็ยังคงฮิตไม่เสื่อมคลาย

10 ประเทศที่มีความเป็นมิตรมากที่สุดในโลก


10 ประเทศที่มีความเป็นมิตรมากที่สุดในโลก



อันดับที่ 10 ประเทศเยอรมนี 



จะว่าไปแล้วคนเยอรมันเองก็เป็นนักเดิน ทางท่องเที่ยวต่างประเทศตัวยง ในขณะที่ประเทศของเขาก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเยือนเกือบ 20 ล้านคนในแต่ละปี แม้ว่าภายนอกชาวเยอรมันอาจดูเหมือนเป็นคนเย็นชา แต่ถ้าได้รู้จักหรือทักทายกันแล้วล่ะก็ คุณจะรู้สึกได้ถึงความเป็นมิตรที่พวกเขามีให้อย่างเต็มเปี่ยม
ถึงแม้ว่าเยอรมนีจะมีสถิติการเกิดคดี อาชญากรรมค่อนข้างสูง (เพิ่มขึ้น 30% ในรอบ 7 ปี) แต่ถ้าเทียบกับสหรัฐอเมริกาก็ยังถือว่ามีสถิติการเกิดเหตุการณ์รุนแรงต่ำ กว่ามาก ที่สำคัญคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องภายในของคนในท้องถิ่น ไม่ใช่คดีทำร้ายร่างกายหรือคุกคามข่มขู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ


อันดับที่ 9 ประเทศเนเธอร์แลนด์ 


ในแต่ละปีที่เมืองอัมสเตอร์ดัม จะมีบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเยือนประมาณ 7 ล้านคน และสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เป็นปลื้มก็คือ ความเป็นมิตรและมีชีวิตชีวาของชาวดัทช์
แม้ว่าแหล่งท่องเที่ยวบางแห่งของประ เทศเนเธอร์แลนด์ หรือแม้กระทั่งตามสถานีรถไฟ จะขึ้นชื่อเรื่อง "ล้วงกระเป๋า" นักท่องเที่ยว แต่สถิติการเกิดคดีอาชญากรรมของประเทศนี้ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ และจัดว่าเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว


อันดับที่ 8 สกอตแลนด์ 


ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางไปเยือนสกอตแลนด์ทั้งสิ้นจำนวน 16 ล้านคน ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวเหล่านี้จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง จากชาวสกอตแลนด์ที่มีมาตรฐานการศึกษาค่อนข้างสูง มีอารมณ์ขัน และยึดมั่นในวัฒนธรรมของตนเอง
อย่างไรก็ตาม หากนำสถิติการเกิดอาชญากรรมรุนแรงในสกอตแลนด์มาเปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกา จะพบว่าที่นี่มีคดีอาชญากรรมสูงกว่า แต่มักเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบนอกแหล่งท่องเที่ยว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยมากนัก แถมสถิติการฉกชิง วิ่งราว รูดทรัพย์นักท่องเที่ยวยังต่ำมากๆ อีกด้วย


อันดับที่ 7 ประเทศฟิจิ 


ฟิจิ เป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งนำรายได้หลักเข้าสู่ประเทศมากกว่า 1.4 หมื่นล้านบาทในแต่ละปี ด้วยเหตุนี้ ประเทศที่เต็มไปด้วยเกาะมากกว่า 300 แห่งอย่างฟิจิ จึงยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน
นอกจากนี้ ชาวฟิจิยังเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นและยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ ยินดีช่วยเหลือทุกครั้งที่นักท่องเที่ยวร้องขอ ที่สำคัญสถิติการเกิดอาชญากรรมยังอยู่ในระดับต่ำและลดลงอย่างต่อเนื่อง น่าเสียดายที่หลังจากรัฐบาลทหารเข้าปกครองประเทศ เมื่อปี ค.ศ. 2007 คะแนนความเป็นมิตรของประเทศฟิจิก็ลดต่ำลง แต่นับว่ายังโชคดีที่ปัจจุบันนี้ธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศฟิจิยังคงแข็ง แกร่งเหมือนเดิม


อันดับที่ 6 ประเทศอิตาลี 


อิตาลี ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮอตและอยู่ในอันดับท็อปไฟว์ของประเทศที่มีนักท่อง เที่ยวเดินทางไปเยือนมากที่สุดในโลก ประเทศนี้มีประชากรราว 58 ล้านคน แต่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเยือนมากถึงปีละเกือบ 40 ล้านคนเลยทีเดียว
เมื่อใดก็ตามที่นักท่องเที่ยวสนใจ ศึกษาวัฒนธรรมของชาวอิตาลี พวกเขาก็พร้อมที่จะสอนทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการทำอาหารหรือสร้างสรรค์ผลงานทางด้านศิลปะ แม้ว่าประเทศนี้จะขึ้นชื่อเรื่องล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยว แต่ถ้าหากเราเตรียมการป้องกันเป็นอย่างดีก็แทบไม่มีอะไรให้กังวลอีก


อันดับที่ 5 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 


เป็นที่รู้กันว่าชาวสวิสขึ้นชื่อใน เรื่องการทุ่มเทและตั้งใจทำงานอย่างหนัก อีกทั้งยังซื่อสัตย์เชื่อถือได้ แต่สิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจก็คือ ความเป็นมิตรของผู้คน ทั้งยังเอาใจใส่ดูแลนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ชาวสวิสจะให้ข้อมูลทุกอย่างที่นักท่องเที่ยวต้องการ และยินดีให้ความช่วยเหลือเมื่อถูกร้องขอ
ด้านความปลอดภัยถือว่าอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วโดยส่วนใหญ่ สถิติการเกิดคดีอาชญากรรมก็ต่ำกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 50% ถึงแม้ว่าจะมีขโมยมากกว่า แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนหนึ่งพบว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศนี้ มีความปลอดภัยมากกว่าการเดินเล่นแถวบ้านตนเองด้วยซ้ำ


อันดับที่ 4 ประเทศออสเตรเลีย 


ออสเตรเลีย มีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 5 ล้านคนเดินทางเข้าไปเยือนในแต่ละปี ส่งผลให้มีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวปีละเกือบสองแสนล้านบาท
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีอะไรให้นักท่องเที่ยวกังวลมากนัก เพราะมีสถิติการเกิดอาชญากรรมต่ำ ยกเว้นปัญหาเรื่องการ "ขโมยรถ" เนื่องจากมีสถิติรถหายสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ถึง 2 เท่า ซึ่งถ้าหากใครมีแผนเช่ารถขับกินลมชมวิวที่ออสเตรเลียแล้วล่ะก็คงต้องคอยดูแล รถให้ดีๆ


อันดับ ที่ 3 ประเทศแคนาดา 


แคนาดา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มักอยู่ในอันดับต้นๆ ของการจัดอันดับ (ในด้านที่ดี) ไม่ว่าจะเป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก เมืองปลอดภัยที่สุดในโลก หรือแม้กระทั่งเมืองที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก เป็นต้น
สาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการที่แคนาดามีสถิติการเกิดอาชญากรรมรุนแรงในระดับที่ต่ำ มาก ทั้งยังยินดีเปิดบ้านต้อนรับคนต่างชาติไม่ว่าจะในฐานะนักท่องเที่ยวหรือผู้ อยู่อาศัย จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมแคนาดาจึงอุดมไปด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลาย ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อนักท่อง เที่ยวมากที่สุดในโลก


อันดับที่ 2 ประเทศนิวซีแลนด์ 


นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่มีประชากรเพียง 4 ล้านคน ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมธรรมชาติอัน บริสุทธิ์และสวยงามของประเทศนี้ราว 2 ล้านคน ส่งผลให้มีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวสูงถึงปีละ 6.7 หมื่นล้านบาท  พลเมืองของประเทศนี้ขึ้นชื่อในเรื่อง ของความซื่อสัตย์และไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ถึงขนาดไม่ล็อคประตูบ้าน และมีมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยภายในองค์กรที่ไม่ค่อยเข้มงวดมากนัก แม้ว่าปัจจุบัน ทางการนิวซีแลนด์จะกระตุ้นให้เพิ่มความระมัดระวังและรักษาความปลอดภัยให้ เข้มงวดขึ้น แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว พวกเขายังคงน่ารักและเป็นมิตรกับทุกคนเหมือนเช่นเคย


อันดับที่ 1 ประเทศไอร์แลนด์ 


โลนลี่ แพลนเน็ต ยกย่องให้ไอร์แลนด์ เป็นประเทศที่มีความเป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ประเทศนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดใน ยุโรป ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเยือนมากกว่า 6 ล้านคน ในขณะที่มีประชากรเพียง 4 ล้านคนเท่านั้น
แม้ว่าผู้คนในประเทศนี้จะมีอดีตที่แสนเจ็บปวดจากการเข่นฆ่าและภัยสงคราม แต่ในปัจจุบันสถิติอาชญากรรมของไอร์แลนด์อยู่ในระดับที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ (ต่ำกว่าสหรัฐอเมริกา 75%) จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่แสนสงบสุข ผู้คนนิยมออกมาสังสรรค์กันตามผับเพื่อแชร์ความทุกข์ ร่วมสุข และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ที่สำคัญชาวไอร์แลนด์ยังต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง เสมือนเพื่อนอีกด้
วย

10 อันดับ ท่าอากาสยาน ที่ดีที่สุดของโลก ประจำปี2010

10 อันดับ ท่าอากาสยานที่ดีที่สุดของโลกประจำปี 2010 


อันดับที่ 10

ตกไปอยู่ในมือของ Bangkok Suvarnabhumi Airport ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของประเทศไทย โดยขึ้นมาจากอันดับที่16 ของปีที่แล้ว 




อันดับที่ 9

Auckland Int'l Airport ท่าอากาศายานโอ๊กแลนด์ ของนิวซีแลนด์ ขึ้นมาจากอันดับที่10 ในปีที่แล้ว 




อันดับที่ 8

Beijing Capital International Airport แห่งกรุงปักกิ่ง ของพี่จีนเค้า ซึ่งขึ้นมาจากอันดับที่17 ในปีที่แล้ว
 



อันดับที่ 7

Amsterdam Schiphol Airport ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ปีนี้ขึ้นมาจากอันดับที่8 




อันดับที่ 6

Zurich Airport ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตกมาจากอันดับที่4 ในปีที่แล้ว 




อันดับที่ 5

Kuala Lumpur International Airport ประเทศมาเลย์เซีย ขึ้นมาจากอันดับที่7 




อันดับที่ 4

Munich Airport ประเทศเยอรมันนี ขึ้นมาจากอันดับ5 




อันดับที่ 3

Hong Kong International Airport ประเทศฮ่องกง ตกมาจากอันดับที่2 ในปีที่แล้ว 




อันดับที่ 2

Incheon International Airport ประเทศเกาหลีใต้ ตกมาจากอันที่1 ในปีที่แล้ว 




อันดับที่ 1

และมาถึงอันดับที่1 ขึ้นมาจากอันดับที่3 ในปีที่แล้ว เค้ามาทวงแชมป์คืนนั้นคือ Singapore Changi Airport ประเทศสิงคโปร์ 

11คำพูดสุดท้ายก่อนตายที่กินใจที่สุด

11คำพูดสุดท้ายก่อนตายที่กินใจที่สุด



1.Carl Panzram (1891-1928) 



คาร์ล แพนซ์แรม (Carl Panzram) เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวเยอรมันที่เดินทางมาเสี่ยงโชคที่อเมริกา ในช่วงต้นๆ ศตวรรษที่ 20สังหารและข่มขืนร่วมรักเพศกว่า 1,000 คน คาร์ลได้รับโทษประหารชีวิตให้พ้นๆ จากโลกไป เมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1928 แม้ถึงวาระสุดท้ายบนตะแลงแกง คาร์ลพูดคำสุดท้ายแก่เพชฌฆาตที่ทำหน้าที่แขวนคอเขาอย่างสุดโมโหว่า 
"Hurry up,You Hoosier bastard, I could kill ten men while you're fooling around!" 
"เร็วๆ สิว่ะลูกไม่มีพ่อ กรูสามารถฆ่าคนได้สิบคนเลยนะนั้น ขณะที่เมิ่งกำลังเดินโต๋เต๋อยู่นั้นแหละ" 


2.Chief Sitting Bull (1831 –1890) 


วัวกระทิงนั่ง(Chief Sitting Bull) ฮีโร่อินเดียแดงที่ต่อสู้กับทหารของชนผิวขาวที่แสนกดขี่ในปี 1876 แต่กระนั้น วัวกระทิงนั่งและพรรคพวกชาวดาโกทาอีก300 คนก็ถูกทหารฆ่าตายที่ Wounded Knee ในปี 1890 ซึ่งก่อนตายเขาพูดประโยคสุดท้ายว่า 
"I am not going. Do with me what you like. I am not going. Come on! Come on! Take action! Let's go!"   "ฉันจะไม่ไปไหน อยากจะทำอะไรกับฉันก็ทำ ฉันจะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น มาเลย! มาสิ! เข้ามาเลย!" 


3.George Engel (1836 -1887 ) 

จอร์ช แองเกิ้ล (George Engel) นักปฏิวัติชาวเยอรมันที่ต้องการล้มกฎหมายโดยการก่อการจลาจล และก่อตั้งพรรคสหภาพแรงงานสนับสนุนระบบสังคมนิยมของอเมริกาทิศเหนือ เขาก่อเหตุจราจลในประเทศจนถูกนำตัวไปแขวนคอต่อหน้าสาธารณชน ก่อนตายเขาพูดว่า 
"Hurrah for anarchy! This it the happiest moment of my Life" 
"ฮูเร่ๆ ฮูเร่ๆ ไชโยให้กับอนาธิปไตย นี่เป็นช่วงเวลาที่สุขที่สุดในชีวิตของฉัน" 


4. Giles Corey (1611 –1692) 


ไกล์ คอเรย์ (Giles Corey)ชาวนาในสมัยยุคอาณานิคมของอเมริกา ถูกทรมานจนตายในวันที่ 19 กันยายน 1692 ฐานไม่ยอมบอกข้อมูลพ่อมด-แม่มด ในคดีแม่มดแห่งหมู่บ้านซาเล็ม ขณะที่กำลังถูกประหารโดยการเอาหินขนาดใหญ่หลายก้อนทับเขาอยู่นั้น เขาตระโกณด้วยความเจ็บปวดว่า 
"More weight"   "หนักอีก"(ประชด) 


5. James French (1936 –1966) 


เจมส์ เฟรนช์ ( James D. French )นักโทษประหารที่มลรัฐโอคลาโฮมาถูกตัดสินว่ากระทำผิดในอเมริกา ( circa 1936 - 10สิงหาคม 1966 คือ ต้องโทษประหารชีวิต โดยเก้าอี้ไฟฟ้าในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1966 ก่อนตายเขาพูดว่า  "Hey, Fellas! How about this for a headline for tomorrow's paper? 'French Fries"  "เฮ้ เพื่อน! นี้สำหรับพาดหัวข่าวพรุ่งนี้ใช่ไหม "เฟร้นช์ฟราย" 


6. Che Guevara,1928- 1997 


เออร์เนสโต เช เกวารา นักปฏิวัติแห่งอเมริกาใต้ ที่ต่อสู้กับรัฐบาลที่ปกครองประเทศอย่างกดขี่ข่มเหงประชาชน และสุดท้ายเขาก็ถูกจับและต้องถูกประหารด้วยการ ยิงเป้า เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 1967 ก่อนตายเขาพูดว่า "I Know you've come to kill me. Shoot, you are only going to kill a man" 
ฉันรู้ว่าแกเพื่อฆ่าฉัน เอาเลย! แกก็แค่ฆ่าผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น 


7.Robert Erskine Childers ( 1870 - 1922 ) 


โรเบิร์ต เออร์ไคน์ ไชน์เดอร์(Robert Erskine Childers)ผู้รักชาติชาวไอริช ผู้คัดค้านสนธิสัญญาอังกฤษ และหาทางทุกอย่างในการต่อต้านอังกฤษ จนถูกสั่งยิงเป้าเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 1922 ก่อนตายเขาพูดติดตลกว่า  "Take a step forward Iads-it'II be easier that way." 
"เดินหน้ามาซะก้าวสิสหาย มันจะได้ยิงง่ายขึ้นนะ" 


8.Tom "Black Jack" Ketchum (1863 –1901)

ทอม เคทชัม(ฉายา "แบล็คแจ๊ค") Tom "Black Jack" Ketchum ตอนแรกเป็นคาวบอยธรรมดาห่อนที่หันมาเป็นฆาตกร,โจร ที่ ชอบปล้นรถไฟและฆ่าคนในนิวเม็กซิโก เขาถูกแขวนคอใน 26 เมษายน ปี ค.ศ. 1901 ก่อนถูกแขวนคอเขาพูดคำสั่งเสียแก่เพชรฆาตว่า " I'II be in Hell before you start breakfast! Let her rip!"   "ฉันจะไปถึงนรกก่อนที่คุณจะเริ่มอาหารเช้า ลงมือได้เลย(ว่ะ)!" (ไม่แน่เขาอยากขึ้นสวรรค์ก็ได้....) 


9.Voltaire (1694 - 1778) 


วอลแตร์ (Voltaire) เป็นนักคิดนักเขียนคนหนึ่งในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นคนฝรั่งเศส ที่ผู้ต่อต้านสังคมโดยเฉพาะสังคมชั้นสูงของฝรั่งเศสและปฏิเสธอิทธิพลของคริสต์ศาสนา เขาแต่งนิยายเรื่อง "ก็องดิดด์" และนิยายต่อต้านสังคมหลายเรื่องซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อการปฏิวัติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา และก่อนที่เขาเสียชีวิตเขาได้พูดประโยคที่สรุปประวัติชีวิตของเขาว่า 
"Now, now, my good man, this is no time for making enemies" 
"นี่ๆ คนดีของฉัน ไม่มีเวลาสร้างศัตรูนะ" 


10.Tallulah Bankhead ( 1902 - 1968 )

ทัลลูลาห์ แบงค์เฮด (Tallulah Bankhead) เป็นนักแสดงหญิง, เลสเบียน มีอารมณ์เกรี้ยวกราด แห่งสหรัฐอเมริกา เธอตาย12ธันวาคม 1968 จากโรคไข้หวัดใหญ่และโรคซ้ำซ้อน ต้องนอนรอความตายในโรงพยาบาลในนิวยอร์คก่อนตายเธอพูดว่า 
"Cocaine…….bourbon….."  โคเดอีน………….เบอร์เบิ้น 
(โคเดอีนเป็นยาแก้ไอแก้หวัดที่มีส่วนผสมของมอร์ฟีนกับแอลกฮอล์ ส่วนเบอร์เบิ้นเป็นเหล้า ซึ่งคงหมายความว่าเธออยากกินก่อนตายนะครับ) 


11.Kit Carson (1809 –1868) 


คิท คาร์สันKit Carson เป็นนักผจญภัยบุกเบิกในดินแดนที่คนอื่นไปไม่ถึงในอเมริกา ซึ่งผลงานเด่นๆ คือเขาคนพบBoggsville, Colorado และมีชื่อเสียงในการต่อสู้อินเดียแดงด้วยมือเปล่าอีกด้วย ก่อนที่จะตายเมื่ออายุ 58 เมื่อวันที่ May 23, 1868 เขากล่าวคำก่อนตายต่อหน้าภรรยาเขาว่า 
" I just wish I had time for one more bowl of chili" 
" ฉันหวังว่าจะมีเวลากินชิลลี่(อาหารเม็กซิกันชนิดหนึ่งมีเครื่องเทศหลายอย่าง)ได้อีกถ้วยหนึ่ง"

10 อันดับความชุ่ยของผู้รับเหมา


10 อันดับความชุ่ยของผู้รับเหมา

อันดับที่ 10 

 
ใครมันจะลงได้เนี่ย ? 



อันดับที่ 9


 

ตกลงว่าจะไม่ให้กดใช่ไหม ? 




อันดับที่ 8 



 

หรือว่ามันคือศิลปะ ? 




อันดับที่ 7 



 

ทำใมไม่ทำบันใดไปเลย ? 




อันดับที่ 6 



 

ใครเค้าจะกล้าเข้ามานั่งกันสอง 




อันดับที่ 5 



 

เอะยังไง ? 




อันดับที่ 4 



 

งบหมด ?? 




อันดับที่ 3 



 

งบไม่พอ? 




อันดับที่ 2 



 

นี่หรือทางรถไฟ ? 




อันดับที่ 1 




เพื่่ออะไร ?